วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2558

เมื่อความโกรธแค้นถูกจุดติดในปากีสถาน






 วันที่ 16 ม.ค.58 เมื่อความโกรธแค้นถูกจุดติดในปากีสถาน แต่ยุทธวิธียังไม่ถูก

แผนการยั่วยุก่อสงครามครูเสด กับชาวมุสลิม ของกลุ่มอิลลูมินาติ โดยยิวไซออนิสต์ เริ่มสำเร็จ เมื่อใช้นักเขียนการตูนชาวยิว ของหนังสือพิมพ์ชาร์ลี ฮิปโด ในฝรั่งเศส จนเกิดการยิงกัน และใช้หนังสือนี้ที่มีภาพการ์ตูนหน้าปก ล้อเลียนทางศาสดาของพี่น้องชาวมุสลิม แล้วเพิ่มยอดจำหน่ายเป็น 5 ล้านเล่ม
ส่งผลให้เกิดกระแสความโกรธแค้น ของมุสลิมไปทั่วโลก แต่มีผู้นำหุ่นเชิดตะวันตก ต้องอ่านโพยตามสคริปต์ เช่น ผู้นำปากีสถาน ได้ออกมาอ่านสคริป ประนามการโจมตีหนังสือพิมพ์นี้ เท่านั้นแหละเป็นเรื่อง เมื่อชาวปากีสถาน มองว่าหนังสือฝรั่งเศสนั่นแหละล้อเลียนศาสดาของเขาก่อน


สร้างความโกรธแค้นและไม่พอใจฝรั่งเศสในชาวปากีสถานเป็นอย่างมาก จึงมีการปลุกม็อบเดินรวมตัวกันจำนวนมหาศาล ไปที่สถานทูตฝรั่งเศส ในเมืองการาจี ทางตอนใต้ของปากีสถาน เกิดการปะทะกันนัวเนียกับตำรวจ ผู้ประท้วงใช้ก้อนหิน และไม้เป็นอาวุธ ตำรวจใช้แก็สน้ำตาตอบโต้
ฝรั่งเศส และชาติตะวันตก ที่วางแผนให้ภาพออกมาเช่นนี้รู้สึกพอใจมาก ที่คนปากีสถานตีกันเอง โดยคนฝรั่งเศสไร้รอยขีดข่วน เขากำลังรอให้คนปากีสถานเผาสถานทูตอยู่ เพราะเขาเก็บเอกสารสำคัญออกไปหมดแล้ว เมื่อเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ทางฝรั่งเศสกับอเมริกา ก็จะอ้างมติ UN ส่งกำลังทหารเข้ามารักษาสันติภาพ


จริงๆ ก็มาปราบปราบชาวปากีสถานนั่นแหละ แต่ทำแบบถูกกฎที่ตนเองสร้างกฎนั้นเอง ตามแผนการ "จัดระเบียบโลกใหม่" จากนั้นก็เข้าไปแทรกแซงรัฐบาลปากีสถาน กำหนดนโยบายการค้า แล้วยึดธุรกิจดีๆ ในปากีสถานเป็นของชาติตะวันตก สูตรนี้เป็นสูตรสำเร็จ เก่ามากๆ...แต่ใช้ได้ผลมาจนถึงปัจจุบัน หวังว่าคนปากีสถานจะไตร่ตรองได้ และคิดให้รอบคอบ ว่าจะรวมตัวกับประเทศใด เพื่อล้อมตอบโต้ยุโรปพร้อมๆ กันทุกทิศทุกทาง


อย่าเอาไม่ซีกไปงัดไม้ซุง มันเสียของเปล่าๆ คนมุสลิมทั่วโลกมี 1,500 ล้านคน เอาไม้ซีกเหล่านั้นหลายๆ ประเทศ (ไม่จำเป็นต้องทำโดยรัฐบาลแต่ละประเทศ ) แต่ให้มัดใจรวมกัน จู่โจมแบบสายฟ้าแล่บจากทุกทิศทาง ร่วมกับคนมุสลิมประเทศเป้าหมาย เข้าทำการรัฐประหารรัฐบาลประเทศต่างๆ แบบไม่ต้องเสียหายมากนัก


ประชาชนในประเทศละ 2 แสนคน วางแผนดีๆ ก็รัฐประหารเข้ายึดอำนาจรัฐบาลยุโรปเป้าหมายให้ได้ รัฐบาลพวกเขาเคยแค่ต่อต้านก่อการร้าย และลอบโจมตีประเทศอื่น แต่ ไม่เคยมีประสบการณ์ถูกรัฐประหาร ย่อมอ่อนหัดจะต้านทาน ใช้จุดอ่อนนี้ให้เกิดประโยชน์
เพียงแค่นี้ไม้ซีกจะชนะไม้ซุงได้โดยการเมืองแบบสูสี และ พลิกเกมส์ เป็นต่อได้โดยง่าย

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558

กองทัพไทย เพิ่มศักยภาพ บก เรือ อากาศ (Thai Army)


กองทัพไทย เพิ่มศักยภาพ บก เรือ อากาศ
สร้างความได้เปรียบภาวะเสี่ยงโลกยุคใหม่
บิ๊กตู่ นายกฯ หัวหน้า คสช. มอบให้กระทรวงกลาโหม และ เหล่าทัพจัดทำแผนการพัฒนาและจัดหายุทโธปกรณ์ ตามแผนพัฒนากองทัพประจำปี 2559 มาเสนอให้รัฐบาลพิจารณาช่วงกลางเดือน มกราคม 2558
กองทัพบก...เสนอในการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป (ฮ.ท.) ระยะที่ 3 เพื่อทดแทน ฮ.ท.1 ยูเอช -1 เอช (ฮิวอี้) ที่จะปลดประจำการกว่า 30 ลำ วงเงินในการจัดหา 2,800 ล้านบาท
กองทัพเรือ...เสนอโครงการจัดหาเรือดำน้ำมือหนึ่ง เข้าประจำการตามแผนพัฒนากองทัพเรือ 2-3 ลำ โดยพิจารณาคัดเลือกแบบเรือดำน้ำจาก เกาหลีใต้ จีน รัสเซีย และฝรั่งเศส
กองทัพอากาศ..เสนอจัดหาเครื่องบินฝึกรุ่นใหม่แทนแอล-39 ของสาธารณรัฐเช็ก ที่การผลิต โดยต้องพิจารณาจากการความต่อเนื่องของระบบเน็ตเวิร์คเซ็นทริคเป็นลำดับแรก วงเงิน 3,700
อีกทั้งประเทศไทยเราไม่มีการจ้างต่อเรือดำน้ำใหม่ มานานมากแล้ว , เครื่องบินก็เก่ามาก จนนักบินเป็นอันตราย มีข่าวเครื่องตกบ่อยๆ การมีอาวุธยุทธโธปกรณ์ใหม่ๆ ก็เพื่อความปลอดภัยของทหารตาดำๆ
ราคาก็ไม่ได้สูงอะไรอย่างที่พวกต่อต้านทุกครั้งเข้าใจ แค่ไม่ต้องเลือกตั้งแค่ครั้งเดียว ประหยัดเงินไป 3,000 ล้าน ไม่ต้องเลือกตั้งสัก 10 ปี ก็ประหยัดอื้อ สามารถน้ำเงินส่วนนี้มาใช้จัดหาอาวุธ มาปกป้องคนไทยถึง 65 ล้านคน
หากเราช้ากว่า ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ที่เพิ่งซื้อเรือดำน้ำรัสเซียไป เขาก็ล้ำหน้าเราไปอีกหลายปี หากมีเหตุสงครามเกิดขึ้นระหว่างชาติใหญ่ๆ เราก็จะไม่มีแสนยานุภาพป้องกันอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน
ต่อไปขืนใครมาข่มเหงรังแกชาติไทยของเรา เหมือนสมัย ร.5 หรือ สงครามเกาะช้าง เป็นได้เจอระเบิดตอร์ปิโด ประเคนใส่ไม่ยั้งแน่ เพราะเรือรบผิวน้ำ 20 ลำ ยังไม่กล้าเข้าสู้กับเรือดำน้ำทันสมัยเพียงลำเดียว
และหากยามไม่มีสงคราม เรือดำน้ำนี่แหละ ที่โจรสลัดที่ปล้นเรือในทะเลบ่อยๆ กลัวหนักหนา เพื่อระแวงและมองไม่เห็นว่าใต้ท้องเรือพวกโจร มีอะไรอยู่ อันจะทำให้ปัญหาโจรสลัดในทะเลลดน้อยลงอีกมาก

อีกประการ ที่คนทั่วไปคิดไม่ถึง คือ " การแสดงอาวุธในวันเด็ก " เพราะ ประชาชนจะได้เห็น และมั่นใจในความก้าวหน้าและศักยภาพของกองทัพไทย ภาพเผยแพร่ออกไป ได้ความน่าเกรงขามทางจิตวิทยา
เด็กๆ ก็เกิดแรงบันดาลใจ ที่จะขยันเรียน มุ่งมั่นขยันเรียนสมัครสอบมารับใช้ชาติเป็นทหาร นักเรียนนายร้อย นายเรือ นายเรืออากาศ เพราะนายทหารพวกนี้ทุกคน ตอนเป็นเด็กๆ ก็เริ่มมีฝันจากการไปงานแสดงยุทธโธปกรณ์ทางทหารนี่แหละ หลายคนก็เป็นวิศวกรไปก็มี โบราณถึงว่า "ไม่อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก"

ช่องแคบมะละกา"จุดยุทธศาสตร์โลก" (Strait of Malacca)


นี่คือ.."จุดยุทธศาสตร์โลก" 
ช่องแคบมะละกา (Strait of Malacca) เป็นช่องแคบระหว่างแหลมมลายูและเกาะสุมาตรา อยู่บริเวณทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไทย ตะวันตกและใต้ของมาเลเซีย ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือและเหนือของเกาะสุมาตรา และเลยไปถึงทางด้านใต้ของสิงค์โปร์ ระบุพิกัดที่ประมาณ 1.43 องศาเหนือ และ 102.89 องศาตะวันออก 

ช่องแคบมะละกา ถือเป็นทั้งจุดยุทธศาสตร์ และทำเลทองของวงการธุรกิจโลก เนื่องจากเป็นรอยต่อของ 3 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ประกอบกับการเป็นเส้นทางเดินเรือที่ใช้ขนถ่ายสินค้าและน้ำมันที่สำคัญทั้งในทวีปเอเชียและทั่วโลก ประเทศมหาอำนาจต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลกจึงปรารถนาจะเข้ามาแผ่อิทธิพลเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในดินแดนปลายสุดแหลมมลายู และ ด้วยเหตุนี้ ทั้ง 3 ประเทศที่ครอบครองดินแดนในช่องแคบดังกล่าว จึงต้องเดินเกมทั้งทางการเมืองและการทหาร เพื่อรักษา "สมดุลแห่งอำนาจ" เพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งชาติไว้ให้ได้มากที่สุด

แม้จะไม่ได้มีน่านน้ำอยู่ในช่องแคบดังกล่าวโดยตรง แต่ประเทศไทยก็ถูกลากโยงเข้าไปเกี่ยวข้องกับเกมแห่งอำนาจจนได้ เมื่อทั้ง 3 ประเทศ ร้องขอให้ไทยส่งกำลังทหารเข้าไปลาดตระเวนในจุดยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดยอ้างเหตุผลเพื่อต่อต้านภัยการก่อการร้ายและโจรสลัด

ช่องแคบมะละกา ตั้งอยู่ระหว่างประเทศมาเลเซียกับประเทศอินโดนีเซีย โดยมีประเทศสิงคโปร์อยู่ที่ปากทางเข้าด้านใต้ ขณะนี้กำลังมีการขนสินค้าผ่านช่องทางนี้มากกว่า 1 ใน 4 ของการค้าโลกทั้งหมด เป็นเส้นทางเดินเรือทะเลที่สำคัญที่สุดทางยุทธศาสตร์ และเป็นเส้นทางที่เสี่ยงต่ออันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะภัยก่อการร้าย และโจรสลัด ที่ฝังตัวหากินกับเรือพาณิชย์ที่แล่นผ่านสัญจรเข้า-ออก เป็นจำนวนมาก โดยในแต่ละปีเรือพาณิชย์กว่า 5 หมื่นลำ ล้วนแต่ใช้ช่องแคบแห่งนี้ ซึ่งมีความยาวกว่า 800 กม. เป็นทางผ่านในการขนส่งสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก

จากสถิติของสำนักงานเดินเรือทะเลระหว่างประเทศ พบว่า ทั่วโลกต้องประสบกับภัยโจรสลัดที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงระยะเวลา 10 ปี สูงถึง 3 เท่าของการโจรกรรมสินค้า ปีล่าสุดมีสถิติสูงขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มียอดสูงกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะการโจรกรรมเรือบรรทุกน้ำมัน ก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ ก๊าซธรรมชาติเหลวทุกลำจากตะวันออกกลาง ที่มุ่งหน้ามายังแถบเอเชีย ที่จะต้องผ่านช่องแคบมะละกา โดยมีบริษัทเดินเรือ 400 แห่ง

ขณะที่กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของน้ำมันที่ประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน สั่งน้ำเข้าจากอ่าวเปอร์เซีย ต้องใช้เส้นทางนี้เช่นกัน เมื่อไม่นานมานี้ สหรัฐอเมริกาได้เคลื่อนย้ายกำลังทหารเข้ามาอย่างเงียบๆ ด้วยการแฝงตัวมากับเรือบรรทุกสินค้าเพื่อดูลาดเลา เพราะต้องการเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในช่องแคบแห่งนี้ กระทั่ง มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ซึ่งมีพื้นที่ตั้งอยู่บนสองฟากฝั่งช่องแคบมะละกาแสดงความไม่พอใจอย่างมาก

แต่ "วาระซ่อนเร้น" ย่อมหนีไม่พ้นการ "คานอำนาจ"
ของมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ..แน่นอน !!

พม่า ขุดเจาะน้ำมัน ง่ายๆ Burma's oil rush: 'Nothing else in this country gives you money like this'



มาดูชาวบ้านพม่าขุดเจาะนํ้ามันขายให้รัฐบาลพม่า


ชาวนาพม่าขุดน้ำมันดิบเอง ด้วยเครื่องยนต์ยันม่า กับกว้านมือหมุน
กระทรวงไทยบอกต้นทุนสูง ขุดเจาะยาก ต้องฝรั่งเท่านั้นที่ทำได้

ตกลงพม่าทำคลิปมาหลอกเรา หรือคนไทยหลอกคนไทยด้วยกันเอง
ตามข่าวนี้บอกว่า ชาวนาพม่าขายน้ำมันดิบ บาร์เรลละ 10 เหรียญ หรือ ลิตรละ 2 บาทครับ

"independent drillers are pumping up up to 300 barrels of crude oil a day, worth ,000"


















ปล.ขณะที่พม่ากำลังตื่นตัวว่ามีน้ำมัน และทำอย่างจึงจะไม่เกิดการคอรัปชั่น แต่ของไทยกลับปฏิเสธเรื่องการมีพลังงาน พอจับได้ก็บอกมีน้อย (แต่ไม่บอกว่า ผู้ที่ใช้ทั้งก๊าซและน้ำมันเบาไปเยอะมากคือปิโตรเคมี) 

และยังมีความเชื่อมั่นว่า การจัดการพลังงานของชาติสะอาดบริสุทธิ์เป็นผ้าขาว ถึงจะเชื่ออย่างไรก็คงต้องตรวจสอบครับ เพราะทรัพยากรเป็นของคนทั้งชาติ และมูลค่าพลังงานที่ประเทศต้องจ่ายสูงถึง 5 ล้านล้านบาท(มากกว่างบประมาณแผ่นดิน 2 เท่า) ครับ


วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

นักรบที่ไม่กลัวตาย บ้าบิ่น รวดเร็ว รุนแรง (Black Water)


Black Water นักรบที่ไม่กลัวตาย บ้าบิ่น รวดเร็ว รุนแรง
ทหารรับจ้างส่วนใหญ่ของ Black Water มาจากอดีตกำลังพลของกองทัพสหรัฐฯ เช่น
อดีต เนวี่ ซีล (ส่วนใหญ่ เลยละ)
อดีต นาวิกโยธิน
อดีต หน่วย S.W.A.T.
คงไม่ต้อง อธิบายกันให้มากนะครับ ว่าแต่ละหน่วยที่กล่าวอ้างมานั้น ฝึกหนักแค่ไหน ประสิทธิภาพในการรบมีเท่าใด ขีดความสามารถระดับไหน สรุปง่ายๆ ของจริงทั้งกองกำลังครับ
สำหรับประสบการณ์ บางคนอาจจะ มีประสบการณ์การรบ ในภารกิจพิเศษของทางกองทัพ มาเป็นเวลา ยาวนาน ถึง 40 ปีก็มีนะครับ แต่ก็อย่างว่าครับ ในเมื่อยศฐาบรรดาศักดิ์ มันกินไม่ใด้ จะอยู่ทำไม กฎเกฑณ์ก็มากมาย ต้องรอสายงานสั่งงาน ค่าตอบแทน ที่อาจไม่คุ้มค่าสักเท่าไรเมื่อเทียบกับทำงานให้กับ Black Water
ทำให้ บรรดาเหล่านักรบผู้เจนสงคราม ให้ความสนใจกับทางนี้ซะมากกว่า ฝีมือกูมีอะ ใครจะทำไม ประมาณนั้น 5555

ว่าถึง อาวุธ ยุทโธปกรณ์ นับว่าไม่น้อยหน้ากองทัพเท่าไรนะครับ
เรื่องของยุทโธปกรณ์ของเหล่า Black Water นั้น จะมีทั้ง หน่ยงานจัดหาให้ และ เจ้าตัวจัดหาเองก็มีครับตามแต่สะดวกเลย จึงไม่แปลกครับ ที่จะเห็นพวกเค้าเหล่านี้ถือ AK 47 เพราะอะไรหนะหรือครับ
มันเชื่อถือใด้มากกว่าไง อึดกว่า ทนกว่า แรงกว่า ดิบกว่า บ้ากว่า นั้นแหละเค้า(ในกรณีลุยนะครับ) เพราะพวกเค้าเหล่านี้ จะสามารถตีภารกิจให้แตกใด้ว่าอะไรที่เหมาะกับภารกิจที่กระทำอยู่ และเค้าเหล่านี้ ก็ยังเป็น นักแต่งปืน ดัดแปลงปืนตัวยงอีกด้วยละครับ แฮะๆ
ถ้าภารกิจคุ้มกันVIP ในอาคาร ก็อาจจะเป็นพวก MP5 ตะกูลต่างๆ ก็แหมม จะให้ไปถึง m249 ในอาคารกับนักการเมือง ก็กระไรอยู่
เพราะฉะนั้น อาวุธของพวกเค้าจึงไม่ตายตัวครับ
ไม่ว่าจะเป็น
m4 ที่ดัดแปลงเป็น CQB
มีปืนกล FN MAG ของเบลเยี่ยม
หรือแม้กระทั่ง RPD ของรัสเซีย สารพัดหลากหลายครับผมแล้วแต่ภารกิจเลย

กระผมขอติด เรื่องการแต่งกาย และ พาหนะ ไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะยาวจนเกินไป เเหะๆ

วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2558

Die Hard ฟิเดล คาสโตร สุดยอดคนพันธุ์อึด (Fidel Alejandro Castro Ruz)


สุดยอดคนพันธุ์อึด Die Hard
ฟิเดล คาสโตร โดนลอบสังหารกว่า600ครั้ง ในรอบ50ปี โดย CIAและกลุ่มต่อต้าน วางแผนกันมาตั้งแต่ประธานาธิบดีไอเซนฮาวน์
50ปีกับแผนการลอบสังหารนับไม่ถ้วน
ซีไอเอเคยจ้างมาเฟียมะกัน ให้ลอบสังหารฟิเดล คาสโตรด้วยยาพิษสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (ซีไอเอ) เผยแพร่เอกสารลับ แฟมิลี่ จีเวลส์ ว่าด้วยปฏิบัติการลับสุดยอดของซีไอเอในช่วงทศวรรษ 2503-2513
ซีไอเอจ้างมาเฟียคิว+มาเฟียอิตาลี่ 1.5 แสนดอลลาร์ นายจอห์นนี โรเซลลี หรือซานโตส ทราฟิคันท์ มาเฟียคิวบา และนายซัลวาตอเร จิอานคันนา มาเฟียเชื้อสายอิตาลี เจ้าของสมญาอัลคาโปนคนใหม่ ซึ่งต่างเป็นผู้ต้องหาที่สหรัฐต้องการตัวมากที่สุดในยุคนั้น เป็นผู้รับผิดชอบในแผนลอบสังหารด้วยยาพิษ 6 เม็ด ที่เตรียมไว้สำหรับใส่ในอาหารและเครื่องดื่ม
วันที่ 17 เมษายน 1961 อเมริกาโดย CIA ได้ส่งกองกำลังชาวคิวบาพลัดถิ่นที่ถูกนำมาฝึกทางการทหารแบบลับๆ 1,500 คน ภายใต้ชื่อกองพัน 2506 พร้อมอาวุธครบมือเข้าเทียบชายฝั่งทางตอนใต้ของอ่าวหมู กำลังพลถึง 1,200คน ถูกคิวบาจับคุมขัง เหตุการณ์นี้นับว่าเป็นเหตุการณ์อัปยศที่สุดเหตุการณ์หนึ่งของอเมริกา
และความพยายามอีกมากมายของหลายกลุ่มในการลอบสังหาร ฟิเดล คาสโตร
หอยติดระเบิดในแคริเบียน
ปากกาฉีดยาพิษ
วางยาในอาหารอาหาร
ชู้รักโดนอเมริกาจ้างให้มาลอบฆ่า
ซิกการ์ระเบิดได้
ไมโครโฟนอาบยาพิษ
ใส่ยาพิษในรองเท้า
ระเบิดใต้แท่นปราศัย
50ปีกับการลอบสังหาร600กว่าครั้ง
ฟิเดล คาสโตร ปกครองคิวบานานเท่ากับประธานาธิบดีของอเมริกา10คน
ตั้งแต่ไอเซนฮาวน์-บุช
ปัจจุบันอเมริกาประสบความสําเร็จแล้วดูคลิปในลิ๊งว่าประสบความสําเร็จเป็นยังไงไปดูกัน

http://archive.voicetv.co.th/content/24634/คิวบาโวยสหรัฐฯพัฒนาเกมฆ่าคาสโตร%20(http://archive.voicetv.co.th/content/24634/คิวบาโวยสหรัฐฯพัฒนาเกมฆ่าคาสโตร)

นักรบนิรนาม 333.(ทหารพราน)


นักรบนิรนาม 333...........เป็นทหารที่เรียกว่าเป็นคนที่ปิดทองยิ่งกว่าหลังพระ...จะเปรียบได้กับ­­การปิดทองใต้ฐานพระเสียด้วยซ้ำ.....

ต้องเสียสละเลือด ชีวิต เพื่อปกป้องประเทศในการรบยังนอกประเทศเกือบ 3,000 นาย บาดเจ็บนับหมื่น พิการกว่า 1,000 นาย และถูกจับเป็นเชลยศึก 214 คน สูญหายอีกจำนวนหนึ่ง

ความเสียสละครั้งนี้นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เป็นเบื้องหลังของการประกาศคว­­ามเข้มแข็งของชาติให้ชาติอื่นได้กลัวเกรง....แล้วพวกเราต้องรักในความเป็นไทย และเชิดชูศักดิ์ศรีความเป็นไทยดังวีรชนทั้งหลายที่เข้าปกปักรักษามาให้เราตราบนานเท่­­านาน แอดมินโค้กขอนำเสนอเพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้ถึงวรีกรรมของเหล่า ทหารเสือพราน นักรบนิรนาม 333