วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สงครามระหว่าง ชนเผ่าไทยและมองโกล

รู้หรือไม่ว่า ชนเผ่าไท ของเรานั้นเคยทำสงครามต่อต้านมองโกล ของกุบไลข่านผู้ที่มีแผ่นดินกว้างใหญ่ตั้งแต่เอเชียจรดยุโรปตะวันออกมาก่อนมาก่อน

แต่ก่อนจะเล่าเรื่องสงครามกับมองโกลนั้นจะเล่าถึงความเป็นมาของ อาณาจักร ชนเผ่าไท ก่อนที่จะทำสัญญาต่อต้านมองโกล นะครับ แต่เริ่มเดิมทีนั้น เมืองนครรัฐของชนเผ่าไทย ที่ปัจจุบัน ก็คือภาคเหนือของประเทศไทยนั้น มีอยู่ 3 นครรัฐ เรื่องที่นำมาเล่าผมก็ฟังจากอาจาร์ยที่สอนแล้วก็หาข้อมูลเพิ่มเติมมาอีกนิดหน่อย ส่วนเรื่องบันทึกวิชาการนั้น ผมลืมไปหมดละว่าชื่ออะไรบ้าง 555 แต่เท่าที่จำได้ก็คง จะเป็น ชิินกาลมาลีปกรณ์ ละ 3 นครรัฐนี้ ภายหลังได้กลายเป็น อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ 2 อาณาจักร และ ถูกกลืนกินภายหลังไป  หนึ่งอาณาจักรทั้งหมดนี้มีชื่อว่า
1.อาณาจักรล้านนา
2.อาณาจักรสุโขทัย 

3.อาณาจักรพะเยา

แต่เริ่มเดิมทีนั้น เมืองล้านนาของพญามังรายนั้นไม่ได้เป็นพันธมิตรกับทางพะเยาของพญางำเมืองและสุโขทัยของพ่อขุนรามคำแหง

ความสัมพันธ์ระหว่าง พะเยากับสุโขทัย เมื่อสมัยก่อนนั้น กษัตริย์ เมืองต่างๆมักจะนิยม ส่งโอรสของตนเองไปเรียนหนังสือ ที่เมืองใหญ่ ที่เจริญกว่าของพวกตนเพื่อไปศึกษาวิทยาการต่างๆ โดยได้ส่งไปที่ อาณาจักรทวารวดี และ พญางำเมือง และ พ่อขุนรามคำแหงก็ได้ไปเรียนที่สำนักเรียนเดียวกันทำให้ได้รู้จักและสนิทสนมรักใครกัน เมื่อได้ศึกษา วิชาต่างๆจนแล้วเสร็จ เช่น การปกครอง การสงคราม การศาสนา จนแล้วเสร็จ ก็ได้กลับไปยังเมืองของตน แต่ทั้งคู่ก็มักจะติดต่อและไปเยี่ยมเยียนหากันตลอด และเมื่อทั้งคู่ได้ขึ้นครองเป็นกษัตริย์ก็ยังไปหากันอย่างสม่ำเสมอ

ตัดไปฝั่งล้านนาของพญามังรายกับความสัมพันธ์ของพะเยาของพญางำเมือง พญามังรายเมื่อได้สร้างเมืองฝางแล้วมีความมั่นคงพอสมควรทหารและความเข้มแข็งของกองทัพมีมาก ก็เริ่มอยากจะขยายอาญาจักรเพิ่ม และเมืองที่ต้องตาต้องใจก็คือเมืองพะเยาของพญางำเมือง ก็ ได้ยกกองทัพไปเพื่อจะบุกโจมตียึดมาเป็นของตนเอง และการยกไปครั้งนั้นไม่ได้มีการสืบข่้าวและส่งใส่ศึกข่าวกรองเข้าไป ล่วงหน้า อยากยกไปก็ไปเลย แต่เมื่อไปถึงเมืองพะเยาแล้ว เห็นความเจริญของพะเยา และเมืองพะเยาก็เป็นพันธมิตรต่อสุโขทัย และสุโขทัยก็ยกทัพมาช่วยแน่(เมืองของพญามังรายในขณะนั้นเป็นเมืองในหุบเขาและไม่มีศิลปะวิทยาการและความเจริญเทียบเท่ากับทางพะเยาและสุโขทัย)

เมื่อยกไปถึงแล้ว ก็ไม่กล้าที่จะบุกไปโจมตี เพราะถ้าไปบุกก็คงเสียกำลังพลเปล่าๆและถูกพะเยาตีตลบหลังทำให้พ่ายแพ้เป็นแน่แท้เพราะทางพะเยาก็พร้อมที่จะสู้และยกทัพออกมาดูเชิงกันแล้ว แต่ครั้นจะยกทัพกลับก็กลัวจะเสียหน้า เลยได้ออกอุบายให้เหล่าเสนาทั้งหลายจัดของเพื่อไปเป็นบรรณาการแก่ญางำเมือง เช่น ต้นไม้เงิน ต้นไม้ทอง ผ้าไหม ของป่า เป็นต้น และได้พูดคุยกันว่า ที่มานี้ไม่ได้ต้องการที่จะมาโจมตีหรือยึดเมือง แต่ต้องการที่จะมาเจริญสัมพันธไมตรีด้วย แต่ที่ยกพลมามากเพราะเกรงกลัวอันตรายระหว่างทางไม่ว่าจะเป็นพวกโจรป่า หรือสัตว์ป่าดุร้าย (เอากับเขาสิ เอ้า) และทั้ง 2 อาณาจักรก็เป็นพันธมิตรต่อกันแต่ทางล้านนากับสุโขทัยยังไม่ได้เป็นพันธมิตรต่อกัน

ตัดไปที่ความสัมพันธ์ของพะเยากับสุโขทัยต่อ

เมื่อพ่อขุนรามคำแหงไปเที่ยวหาพญางำเมืองบ่อยเข้าก็เกิดเรื่องงานเข้าจนได้ กล่าวคือ การต้อนรับที่ถือว่าให้เกียรติที่สุดของเจ้าบ้านต่อผู้มาเยือนคือ การให้ภรรยาตนปฎิบัติแก่ผู้มาเยือน เช่นการล้างเท้าให้่ก่อนเข้าบ้าน การทำอาหารให้กิน เมื่อมาบ่อยเข้าก็คงอาจจะทำให้ใจฟุ้งซ่านได้บ้างเป็นธรรมดา(คนเหนือก็อย่างที่รู้ๆกันขาวโอโม่ใครรึจะทนไหว 555)แต่ตำนานพื้นเมืองเล่าว่า พยางำเมืองได้ตำหนิมเหสีว่า ทำกับข้าวไม่อร่อยและล้มโต๊ะและตำหนิต่อหน้าพ่อขุนรามคำแหงด้วยความอับอาย และ ด้วยความเป็นขัติยะทิฐิ ก็เลยเอาคือ เอาคืนด้วยการ แอบ ไปเล่นชู้กับ พ่อขุนรามคำแหงเพื่อให้เกิดความอับอายแก่พญางำเมือง(ที่เหลือคิดเอาเองเน้อ 55) แล้วเรื่องนี้ก็เข้าถึงหูพญางำเมืองจนได้และได้จับกุมพ่อขุนรามคำแหง จนเกิดเรื่องบาดหมางใจขึ้นมาระหว่าง พญางำเมืองกับพ่อขุนรามคำแหง ครั้นจะให้พ่อขุนรามคำแหง กราบขอโทษมันก็ไม่เหมาะสม ครั้นจะปล่อยให้เรื่องเลยตามเลย หญางำเมืองก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนถ้าทำไม่ดีทั้งสองอาณาจักรนี้ต้องรบกันแน่ จึงหาทางออกด้วยการไปเชิญพญามังรายบุคลมาตัดสินปัญหาเพราะต้องให้บุคลลที่มีฐานะเท่าเทียมกันเป็นอย่างน้อยถึงจะเหมาะสมและชอบธรรม

ตัดมาทางพญามังราย 

เมื่ออยู่ๆ มาให้ตัดสินปัญหาแบบนี้ก็งานเข้า จะฟันธงว่าทางไหนผิดก็ไม่ได้ มีแต่เสียกับเสียแต่ได้มาตัดสินก็เลยต้องจำใจมา แต่การมาตัดสินครั้งนี้หญามังราย ค่อยๆเดินทางมา กินเวลาไปหลายวัน เพราะไม่รู้จะตัดสินยังไงเลยค่อยๆใช้ความคิดไปด้วย จากตำนานบอกว่า ใช้เวลาเดินทางจากฝางไปพะเยาใช้เวลาถึง 2 เดือน เมื่อถึงเมืองพะเยา ก็ได้ตัดสินว่า พ่อขุนรามเป็นฝ่ายผิด ที่ไปล่วงมเหสีของพญางำเมืองและให้ข้อคิดว่า เมียก็เหมือนดังสิ่งของ หาใหม่ก็ได้แต่ความเป็นเพื่อนมันยังอีกยาวและยังต้องพึ่งพากันอีก เลยให้พ่อขุนรามจัดของมาขอขมาพญางำเมือง เช่้น ต้นไม้เงิน ต้นไม้ทอง ของมีค่าต่างๆ ครั้นจะให้เข้าไปถึงในเมืองเลยก็จะเป็นการเสื่อมเสียเพราะเหมือนกับการไปถวายบรรณาการเป็นเมืองขึ้น เลยให้ พญางำเมือง ออกมารับของขอขมา ที่นอกเมือง ต่างคนต่างเข้าใจ และ พญามังรายก็ได้ความดีัความชอบไปเต็มๆ จากการเป็นผู้ตัดสินความที่มีทางออกดีเยี่ยม แล้วเหตุการนี้ก็ทำให้กษัตริย์ทั้ง 3 ได้รู้จักกันและได้สาบานเป็นเพื่อนรักกันที่ ริมฝั่งแม่น้ำ ตามตำนานแม่น้ำนี้ก็มีชื่อว่า แม่น้ำอิง เพราะว่ากษัตริย์ทั้งสามได้หันหลังอิงกัน

เกริ่นนำถึงความสัมพันธ์ระหว่าง กษัตริย์เผ่าไท ทั้ง 3 แล้ว พรุ่งนี้ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะมาเล่า เรื่องสงครามต่อต้านการรุกรานของ กองทัำพทองโกลอันเกรียงไกลของ กุ๊บไลข่าน
ไปนอนก่อนละครับ โม้ซะยืดยาว พิมพ์ผิดบ้างถูกบ้างรึว่าตกหล่นอย่างไรขอ สมมาอภัยไว้ด้วยนะครับ 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น