ในช่วงพุทธศตรววษที่ 18 กองทัพมองโกลอันเกรียงไกล ได้ยึดแผ่นดินจีนอันกว้างใหญ่ได้เกือบหมด ก็ได้ตั้งราชวงของเผ่ามองโกลตัวเองขึ้นในแผ่นดินจีน ชื่อว่า ราชวงค์หยวน ทหารมองโกล เก่งด้านการรบบนหลังม้าและใช้ธนูได้คร่องแคล่ว สามารถขี่ม้าไปด้วยและยิงไปด้วยและไวกว่าชนชาติอื่น ธนูก็เป็นธนูขนาดพอเหมาะมีเทคโนโลยีในการสร้างที่สามารถยิงทะลุชุดเกราะและสังหารศัตรูได้ภายในดอกเดียว
ปัจจัยที่ทำให้อาณาจักรมองโกลต้องการที่จะยึด ดินแดนทางตอนล่าง เพื่อที่จะต้องการของสำคัญหลายๆ เช่น เส้นทางการค้าออกทะเล ซึ่งมีอยู่ที่อาณาจักรพุกาม(พม่าในปัจจุบัน) และเมืองเชียงรุ้ง เป็นเมืองเกิดของพระมารดาของพญามังรายและก็เป็นเครือญาติของท่าน ซึ่งเป็นรัฐในหุบเขาอยู่ตอนในมีป่าของป่าที่สำคัญมากมาย เช่น สัตว์ป่า งาช้าง นอแรด ไม้หอม ครั่ง ชัน เป็นต้น
ก่อนการจะโจมตีทางมองโกลจะส่งทูตมา ว่าจะยอมเป็นเมืองขึ้นและส่งบรรณาการ หรือไม่ถ้าไม่ส่งก็จะทำการโจมตีและเมื่อโจมตี มองโกลจะทำการ เผาทำลายและฆ่าล้างเมืองจนหมดสิ้นไป คุณสมบัติของทหารมองโกล มีความเป็นนักรบสูงเพราะทำสงครามระหว่างเผ่าอยู่เสมอ มีความสามารถในการขี่ม้าสูง เพราะเป็นเผ่าเร่ร่อนและเลี้ยงสัตว์ มีความสามารถในการใช้อาวุธเป็นอย่างดีโดยเฉพาะธนู สามารถกินอยู่หลับนอนบนหลังม้าได้แม้ขณะที่สวมชุดเกราะ
การบุกลงใต้ เริ่มต้นจาก ตีเมืองที่อยู่ทางตอนใต้ เช่น อาณาจักรน่านเจ้่า น่านเจ้านี้ถ้าแฟนหนังจีนคงจะได้ยินชื่อมาบ้าง ก็คือ อาณาจักรต้่าลี่ นั้นเอง อาณาจักรน่านเจ้ามีอาณาเขตกว้างขวาง ตั้งแต่มณฑลยูนาน ไปจนถึงแคว้นสิบสองปันนา ทิศเหนือจดมณฑลเสฉวน ทิศใต้จดพม่า ญวน ทิศตะวันออกจดไกวเจา กวางสี ตังเกี๊ย ทิศตะวันตกจดพม่า ธิเบต
เมื่อน่านเจ้าแตกก็ตีเมือง เชียงรุ้ง ซึ่งเมืองเชียงรุ้งนี้เป็นเมืองพระมารดาของพญามังรายซึ่งมีญาติพี่น้องอยู่ด้วย แตกยับเยินคนที่หนีทันก็รอดคนที่หนีไม่มันก็ตายเรียบและจุดไฟเผาเมือง ต่อมาก็ตี อาณาจักรพุกาม ก่อนที่จะบุกพุกามนั้น ทางมองโกลได้ส่งทูตมาเจรจาให้ยอมแพ้และเป็นเมืองขึ้น แต่ก็ไม่ยอมด้วยความคิดว่า อาณาจักรพุกามของตนนั้นก็ยิ่งใหญ่เหมือนกันจากตำนานบอกว่าการศึกครั้งนี้ทางพุกามมีช้างศึกถึง 2พัน เชือกและทหารม้าอีกมากมาย(หลักฐานที่มีให้เห็นความยิ่งใหญ่อยู่ก็คือ ทุ่งเจดีย์หมื่นองค์ ลองหาในกูเกิ้ลดู)จึงเปิดสงครามสู้กันทหารอาณาจักรพุกามไม่สามารถต้านทานทหารมองโกลจำนวนมหาศาลได้ แตกถอยร่น เสียเมืองหน้าด่านเกือบหมดสิ้น ทหารมองโกลปล้นสะดม และเผาทิ้งบ้านเรือนเสียสิ้นมิให้เหลือ ใครหนีไม่ทันจะถูกฆ่าอย่างทารุณ ทางราชวงศ์พุกามเมื่อถูกจับได้ก็ถูกประหารจนหมดสิ้น ชาวบ้านบางส่วนก็ยอมจำนนตกเป็นเชลย แต่ยังเหลือเมืองพุกามทางด้านใต้ไว้ ณ ที่นี้ ได้มีกองทัพหนุนมาจาก ล้านนา(ชาวมองโกลเรียกเมืองลานนาว่า ปาไป๋ซีฟู่ หรือแปลว่า เมืองแปดร้อยเมีย คือกษัตริย์มีนางสนม อยู่ แปดร้อยองค์ ) พะเยา สุโขทัย เริ่มช่วยกันเข้ามาต้านไว้ โดยมีกองทัพของ ล้านนาประมาณ 1แสนคน ของสุโขทัยประมาณ 5หมื่นคนพร้อมทั้งกองทัพม้ากองทัพช้าง และทางพะเยาอีกจำนวนหนึ่ง(ผมยังไม่มีข้อมูลนะครับว่าซักเท่าไร)การมาช่วยครั้งนี้ ผลัดกันรุกกันรับนานถึง6เดือนสุดท้ายทางมองโกลก็ไม่บุกต่อ
ทหารที่มานั้นจากบ้านมานานทำให้คิดถึงบ้านเมืองของตนและไม่คุ้นเคยสภาพอากาศที่ร้อน ชื้น ป่าดงดิบ โรคระบาด และสูญเสียทหารไปมากเหมือนกัน ประกอบกับเป็นช่วงหน้าฝน เลยไม่ตีลงมาต่อ ส่วนทางล้านนากับพันธมิตรก็ไม่สามารถที่จะช่วยพุกามตีชิงเมืองคืนและขับไล่ไปได้แน่จึงได้ลาเจ้าเมืองพุกามและถอนกองทัพล้านนากับพันธมิตรกลับเมืองการยกทัพกลับมาครั้งนี้ ทางล้านนาและพันธมิตรสูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนมากเหลือกลับมาไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ เมื่อพญามังรายมาถึงเมืองเชียงใหม่ ก็ได้รับการต้อนรับจากชาวเมือง โดยชาวเมืองทั้งหลายนี้มีทั้ง อารมณ์ที่ดีใจเพราะได้เห้นหน้าคนในครอบครัวของตนและบางส่วนก็เศร้าโศกเสียใจกับการเสียชีวิตในสงครามของเหล่าญาติพี่น้องของตัวเอง ส่วนทางพญามังรายก็มีการตกรางวัลจากการทำศึกให้เป็นขวัญและกำลังใจแก่กองทัพของตน พวกที่รอดชีวิตก็ได้ไปส่วนผู้ที่เสียชีวิตในสงครามก็ตกเป็นของลูกเมียญาติพี่น้อง แทน และด้วยสงครามครั้งใหญ่ครั้งนี้ ทำให้พญามังรายไม่ทำศึึกสงครามอีกเลยจนสิ้นราชกาลของพระองค์ เนื่องด้วยภาพที่โหดร้ายของสงครามคนตายกองทับถมสูงอย่างภูเขาตายเกลี่ยนกราดทั้วทั้งบริเวน ในป่า ในแม่น้ำ นกแร้ง นกกา หนอน สุนัข มากันแทะซากศพ จึงทำให้เกิดความเบื่อหน่ายในสงครามในที่สุด
หลังจากยุคนี้หลังจากสิ้่นพญามังรายได้ไม่นานทางล้านนา ก็ได้ส่งบรรานาการให้กับทางมองโกล เพื่อเป็นการตัดปัญหาเรื่องการถูกรุกรานจากทางจีน เมื่อไม่ถูกรุกรานจากทางจีนก็ทำให้การเมือง การทหารมีความเข็มแข็งขึ้นเป็นลำดับ และได้เริ่มทำการขยายดินแดนของตนเอง จนเป้น อาณาจักรล้านนาที่ยิ่งใหญ่ในเวลาต่อมา
ข้อคิดจากแอดมิน
ผมอยากจะฝากพี่น้องที่ชอบเรื่องสงครามทั้งหลายว่า เรื่องราวการทำสงครามในประวัติศาสตร์นี้มีมากมาย สร้างความเกลียดชังและบาดหมางให้กับคนหลายชนชาติมานักต่อนัก ส่วนเราคนในยุคปัจจุบัน เราศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อเรียนรู้เพื่อเข้าใจและไม่กระทำความผิดพลาดเหมือนอย่างที่คนในอดีตเคยกระทำมา ส่วนพวกที่เอาประวัติศาสร์มาอ้างเพื่อโจมตีหรือหาเรื่องผู้อื่นหรือเพื่อประโยชของตนเองบุคคลผู้นัั้นเป็นบุคคลที่ชั่วร้ายมากที่สุดครับ !!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น