วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2557

แนวร่วมนักรบไอเอส (isis) ชาติตะวันตก


นักรบชาติตะวันตก ทยอยเปิดตัวผ่านไอเอส

สกู๊ปพิเศษ ต่างประเทศ

การเปิดเผยตัวตนมือสังหารและนักรบสมาชิก "กองกำลังรัฐอิสลาม" (ไอเอส) ว่ามีชาวตะวันตกมากขึ้นเรื่อยๆ ตอกย้ำถึงการหลั่งไหลไปเป็นแนวร่วมนักรบในสมรภูมิซีเรียและอิรักของคนหนุ่มจากโลกศิวิไลซ์

จากเดิมที่มือเพชฌฆาต "จีฮัด จอห์น" ต้องสงสัยว่าเป็นชาวอังกฤษ ต่อมาปรากฏชาวฝรั่งเศสอย่างน้อย 2 รายในคลิปฆ่าตัดคอ หนุ่มอเมริกัน นายปีเตอร์ คาสซิก วัย 26 ปี เหยื่อชาติตะวันตกรายที่ 5 และสังหารหมู่นักโทษซีเรียอีก 18 ราย

รัฐบาลฝรั่งเศสระบุตัวได้ว่า นายแม็กซีม โอชาร์ด หรือชื่ออิสลามว่า อาบู อับดุลเลาะห์ อัล-ฟารันซี วัย 22 ปี และ นายมิคาเอล โดส ซานโตส หรือชื่ออิสลามว่า อาบู ออธมาน วัย 22 ปี

แหล่งข่าวใกล้ชิดหน่วยงานสืบสวน ของฝรั่งเศสระบุว่า ทั้งสองมาจากครอบครัวชนชั้นกลางที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นมุสลิมสายสุดโต่งและไปร่วมรบในซีเรีย นายซานโตสอยู่ชานกรุงปารีส และไปซีเรีย เมื่อปี 2556

ส่วนนายโอชาร์ดเคยให้สัมภาษณ์ออกทีวีฝรั่งเศสเมื่อเดือน ก.ค. ว่า ตัดสินใจจะไปเข้าร่วมกับไอเอสหลังจากดูวิดีโอทางโลกออนไลน์ว่า "ความมุ่งมั่นของทุกคนที่นี่คือได้เป็นผู้พลีชีพในศาสนา นั่นคือรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด"

จากนั้นไม่นานมีคลิปปรากฏกลุ่มนักรบไอเอสพูดภาษาฝรั่งเศส ร่วมกันเผาพาสปอร์ตที่ตนเองเคยมีสัญชาติฝรั่งเศส เพื่อประกาศตัวอุทิศให้ไอเอสอย่างฮึกเหิม

ความเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกับข้อมูลในเว็บไซต์ไทมส์ออฟโอมานที่ระบุว่า นักรบจากโลกตะวันตกหลายพันคนไปเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสในอิรักและซีเรีย ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าคนเหล่านี้มักอยู่ในกลุ่ม ติดอาวุธที่โหดที่สุด และก่อความรุนแรงที่สุดด้วย

หน่วยข่าวกรองในหลายประเทศทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พยายามอย่างหนักที่จะระบุตัวนักรบต่างชาติที่ปรากฏ ซึ่งสงสัยว่าจะมีทั้งชาวออสเตรเลีย เดนมาร์ก และเบลเยียม

ทางการเบลเยียมระบุชื่อของนักรบคนหนึ่งว่าน่าจะเป็น นายอับเดล มาจิด การ์มูอี ชาวเบลเยียม อายุ 28 ปี จากเมืองวิลวอร์เดอ ซึ่งมีคดีอยู่ในประเทศกรณีเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ

ในสัปดาห์นี้เอง ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส ไปเยือนออสเตรเลีย และยกประเด็นนักรบต่างชาติ และการที่พวกเขาเหล่านั้นถูกล้าง สมองขึ้นมาหารือเพราะออสเตรเลียก็เผชิญปัญหานี้เช่นกัน



ขณะที่กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสประเมินว่า มีพลเมืองฝรั่งเศสทั้งที่มีแผนจะไปรบในสมรภูมิซีเรียและอิรักและไปแล้วมากกว่า 1,000 คน โดยคาดว่าเวลานี้อยู่ที่นั่นแล้ว 375 คน และเสียชีวิตไปแล้ว 36 ราย โดยกลุ่ม ที่ไม่ได้นับถืออิสลามแต่เดิมมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อต้นเดือนนี้เอง ฝรั่งเศสลงมติผ่านกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายซึ่งจะห้ามบุคคลต้องสงสัยว่าวางแผนจะไปทำสงครามเดินทางออกนอกประเทศ

"สิ่งที่สำคัญ ไม่ใช่เพียงการลดจำนวนและหลีกเลี่ยงการเกิดนักรบต่างชาติรายใหม่ๆ แต่กฎหมายจะต้องมีบทลงโทษและการคว่ำบาตรคนที่ไปยังพื้นที่การรบ" ผู้นำฝรั่งเศสกล่าว

ในอดีต กลุ่มไอเอสพยายามปิดบังตัวตนสมาชิกด้วยการปิดบังใบหน้า แต่การใช้นักรบต่างชาติเพิ่มขึ้นกลายเป็นส่วนหนึ่ง ของการโฆษณาชวนเชื่อที่ใช้ดึงดูดความสนใจจากคนหนุ่มในยุโรป

นักวิเคราะห์ระบุว่า คนหนุ่มบางส่วนถูกชักจูงเข้าสู่ไอเอส ผ่านความหัวรั้นของคนรุ่นใหม่ และการผลิตวิดีโอที่มีเล่ห์เหลี่ยม เพื่อเกณฑ์ผู้คนในวิดีโอดังกล่าวนักรบหลายคนเปิดเผยใบหน้าชัดเจน ทั้งยังมีการเผาพาสปอร์ตโชว์ในคลิปล่าสุด

คาร์ล คันเทนธาเลอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอิสลามสายสุดโต่งมหาวิทยาลัยอาครอน กล่าวว่า สารที่ไอเอสพยายามส่งคือพวกเขาจะโหดเหี้ยมกับศัตรู โดยมีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น ถ้าใครมีปัญหากับกลุ่มนี้ ก็จะต้องยอมรับความเสี่ยง

เว็บไซต์ยูเอสนิวส์วิเคราะห์ว่า แผนดั้งเดิมของอัล ไคด้า ภายใต้การก่อตั้งของนายโอซามา บิน ลาเดน คือการต่อสู้กับสหรัฐและอิทธิพลจากโลกตะวันตกที่เข้าครอบงำประเทศมุสลิม โค่นล้มรัฐ เหล่านั้น เพื่อสร้างกลุ่มอิสลามสายแข็ง แต่ไอเอสโยนแผนการนั้นทิ้ง และทำในสิ่งที่อัล ไคด้า ทำได้แค่ฝันมานานกว่าทศวรรษ

ไอเอสก่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับแต่เริ่มอาละวาดในซีเรียและอิรักในปี 2556 เมื่อเดือนก่อน นายอีวาน ซีโม โนวิก ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชนแสดงความเป็นห่วง

เมื่อต้นเดือนนี้ คณะกรรมาธิการสหประชาชาติที่ดูแลกรณีซีเรียรายงานว่า ไอเอสทำอาชญากรรมสงครามในซีเรียอย่างกว้างขวาง ขณะเดียวกันฮิวแมนไรต์วอตช์ องค์กรเฝ้าระวังด้านสิทธิมนุษยชนระบุเช่นกันว่า นักรบไอเอสทรมานและทำร้ายเด็กๆ ชาวเคิร์ดในซีเรีย

แม้การโจมตีไอเอสทางอากาศของแนวร่วมนานาชาติที่นำโดยสหรัฐในพื้นที่ซีเรียและอิรักมีความคืบหน้าไปมากในการยึดเมืองคืน

แต่เมื่อเทียบกับความก้าวหน้าในการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อเกณฑ์นักรบต่างชาติของกลุ่มนี้แล้ว สถานการณ์น่าวิตกมากขึ้นเรื่อยๆ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น